
6.1การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล
การนำข้อมูลมาใช้ในการเรียน การทำงานและการตัดสินใจต่างๆ จะต้องพิจารณาความถูกต้องของข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ มีความถูกต้องสมบูรณ์ สอดคล้องตรงตามความต้องการและมีความทันสมัย
เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีคุณภาพ นักเรียนอาจใช้การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล โดยใช้ประเด็นการพิจารณาของ “พรอมท์” ได้แก่ การนำเสนอ ความสัมพันธ์ วัตถุประสงค์ วิธีการ แหล่งที่มา และเวลา (Presentation, Relevance, Objectivity, Method, Provenance, Timeliness: PROMPT) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

การนำเสนอ (Presentation)
การนำเสนอข้อมู ลที่ดีจะต้องมีการวางเค้าโครงที่เหมาะสม มีรายละเอียดชัดเจนไม่คลุมเครือใช้ภาษาและสำนวนถูกต้อง มีข้อมูลตรงตามที่ต้องการ เนื้อหามีความกระชับ สามารถจับใจความหรือประเด็นสำคัญได้
ความสัมพันธ์ (Relevance)
การพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์จะต้องคำนึงถึงความสอดคล้องของข้อมูลกับสิ่งที่ต้องการ ถึงแม้ว่าข้อมูลนั้นอาจมีคุณภาพมากแต่ถ้าไม่สัมพันธ์หรือสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ก็ไม่สามารถนำไปใช้ได้ เช่น นักเรียนจะไปเที่ยวเกาะภูเก็ตซึ่งอยู่ฝั่งทะเลอันดามันแต่ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวทะเลฝั่งอ่าวไทย


วัตถุประสงค์ (Objectivity)
ข้อมูลที่จะนำมาใช้ต้องมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ไม่ใช่ข้อมูลที่เป็นการแสดงความคิดเห็น หรือมีเจตนาแอบแฝง
ตัวอย่างข้อมูลที่มีเจตนาแอบแฝง
-
สื่อสารด้วยการให้ข้อมูลด้านเดียว โดยมีวัตถุประสงค์อื่น พยายามปิดปังข้อมูลที่อาจส่งผลกระทบต่อตนเอง
-
สื่อสารด้วยอารมณ์เชิงบวกหรือลบ
-
มีการโฆษณาแอบแฝง เช่น นายแบบชื่อดังเผยแพร่ตารางออกกำลังกาย แต่แฝงโฆษณาอาหารเสริมลดความอ้วน
-
มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น นักวิจัยเผยแพร่ผลงานวิจัยที่เอื้อกับบริษัทที่สนับสนุนทุนวิจัย
วิธีการ (Method)
ข้อมูลที่นำมาใช้ เป็นการรวางแผนการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ เช่น หากนักเรียนต้องการใช้แอปพลิเคชันตรวจสอบลำดับคะแนนสอบวิชาวิทยาการคำนวณของตนเองว่าอยู่ในระดับใดของโรงเรียน แอปพลิเคชันนั้นควรมีการเตรียมข้อมูลดังนี้
-
เก็บข้อมูลคะแนนสอบวิชาวิทยาการคำนวณของนักเรียนทั้งหมด
-
นำข้อมูลมาจัดเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย
-
ใช้ค่าสถิติเปอร์เซ็นไทล์


แหล่งที่มา (Provenance)
ข้อมูลที่น่าเชื่อถือต้องมีการระบุแหล่งที่มาอย่างชัดเจน และเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้