top of page

6.3 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย

การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมีวัตถุประสงค์หลายอย่าง เช่น การใช้งานเพื่อทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (electronic transaction) การใช้งานเพื่อสนับสนุนการทำงาน และการใช้งานทั่วไปซึ่งจะต้องคำนึงถีงความปลอดภัยในการใช้งาน

6.3.1.PNG

6.3.1 การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์อย่างปลอดภัย

การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ มี 2 รูปแบบ คือ

1. การทำธุรกรรมโดยตรงระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อ โดยผ่านเครือข่ายทางสังคมต่างๆ หรือผ่านเว็บไซต์ของผู้ขาย เช่น การจองที่พักผ่านเว็บไซต์ของโรงแรม การสั่งซื้อมะพร้าวจากเว็บไซต์กลุ่มเกษตรกรจังหวัด

2. การทำธุรกรรมโดยผ่านผู้ให้บริการ เป็นรูปแบบการทำธุรกรรมที่มีผู้ให้บริการสนับสนุนการดำเนินการหรือตัวกลาง โดยผู้ให้บริการจะรวบรวมสินค้าและบริการต่างๆ ให้อยู่ในที่เดียวเพื่อง่ายต่อการเข้าถึงและใช้บริการของทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย การทำธุรกรรมในรูปแบบนี้ผู้ให้บริการส่วนใหญ่จะมีการตรวจสอบผู้ขายและเป็นเสมือนผู้รับประกันทั้งในส่วนของสินค้า การให้บริการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อว่าจะไม่ถูกหลอกลวงจากการทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ การทำธุรกรรมในรูปแบบนี้คนกลางมักเป็นองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือและมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับทั้งส่วนของผู้ขายและผู้ซื้อ อีกทั้งยังรับประกันการได้รับสินค้า ซึ่งทำให้ปัญหาต่างๆลดลงตัวอย่างเว็บไซต์ที่เป็นตัวกลางในการให้บริการ เช่น ebay.com, lazada.co.th, shopee.co.th

6.3.2.PNG

ข้อควรคำนึงในการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์

ผู้ใช้บริการอาจถูกมิจฉาชีพฉ้อโกง โดยใช้กลยุทธ์เรื่องราคาและหลักจิตวิทยาในการล่อลวงให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความโลภ หรือเข้าใจผิด เช่น ขายสินค้าในราคาที่ต่ำกว่าปกติ ขายสินค้าลอกเลียน หรือละเมิดลิขสิทธิ์โดยทำให้เข้าใจว่าเป็นสินค้าของแท้

นอกจากนี้ผู้ใช้บริการควรมีความระมัดระวังในการชำระค่าสินค้าหรือบริการ ซึ่งอาจมีหลายรูปแบบ เช่น

  • ชำระเงินโดยการให้ผู้ซื้อดำเนินการโอนเงินผ่านธนาคาร แล้วส่งหลักฐานยืนยันให้ผู้ขายส่งของภายหลัง

  • ชำระเงินภายหลังจากได้รับสินค้ากับผู้ขายหรือผู้ให้บริการส่งสินค้า 

  • ชำระเงินโดยผ่านบัตรเครดิตหรือบัญชีธนาคาร ซึ่งใช้เพียงข้อมูลบางอย่าง เช่น ถ้าชำระเงินด้วยบัตรเครดิตจะใช้เพียงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบัตร คือหมายเลขบัตร วันหมดอายุ รหัสชีวีวี (card verification value: CVV) ที่อยู่ด้านหลังบัตรและจะมีการยืนยันด้วยการส่งรหัสผ่านแต่ละครั้ง (one time password: OTP) ผ่านทางโทรศัพท์มือถือหรืออีเมล หลังจากทำธุรกรรมเสร็จแล้วจะมีการแจ้งรายละเอียดการทำธุรกรรมผ่านโทรศัพท์มือถือ อีเมล์ หรือแอพพลิเคชั่น จะเห็นว่าการตรวจสอบและยืนยันตัวตนหลายชั้นจะช่วยทำให้เกิดความมั่นใจในการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ได้ หากผู้ให้บริการมีการยืนยันเพียงระดับเดียวอาจทำให้ไม่ปลอดภัย เช่น ถ้ามีการขโมยข้อมูลบัตรเครดิตมิจฉาชีพก็สามารถทำธุรกรรมได้เพราะไม่มีการยืนยันตัวตนผ่านโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง

  • บริการตัวกลางการชำระเงิน เช่น ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือมีการรับชำระเงินโดยการเติมเงินเข้าระบบและผูกบัญชีเข้ากับมาให้โทรศัพท์มือถือ ผู้ที่เป็นเจ้าของเบอร์โทรศัพท์สามารถโอน ค่าสินค้าและบริการได้เสมือนกับมีบัญชีธนาคาร

6.3.2 การรู้เท่าทันสื่อ

การรู้เท่าทันสื่อ หมายถึง ความสามารถในการป้องกันตัวเองจากการถูกโน้มน้าวด้วยเนื้อหาที่เป็นเท็จและมีผลกระทบต่อผู้รับสื่อ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือทางการตลาดและผลประโยชน์ที่สื่อนำเสนอ การรู้เท่าทันสื่อนั้น ผู้รับสารต้องสามารถตีความ วิเคราะห์ แยกแยะเนื้อหาสาระของสื่อ คิดก่อนนำสื่อไปเผยแพร่ ตั้งคำถามว่าสื่อนั้นมีที่มาอย่างไร ใครเป็นเจ้าของสื่อ ใครผลิต และผลิตภายใต้ข้อจำกัดใด ควรเชื่อหรือไม่ เพื่ออะไรที่แฝงมากับสื่อนั้น หรือผู้เผยแพร่สื่อนั้นหวังผลอะไร ดังนั้นควรเลือกแนวปฏิบัติอย่างเหมาะสม

 

โดยทั่วไปแล้วการเข้าถึงเนื้อหาหรือข้อมูลข่าวสารจากสื่อต่างๆนั้น สามารถก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้รับสาร แต่ต้องสร้างการตระหนักรู้ถึงภัยคุกคามของสื่อที่มากับความอยากรู้อยากเห็นด้วย

 

การรู้เท่าทันสื่อสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ ดังนี้

 

  • ระดับที่ 1 ผู้รับสื่อตระหนักถึงความสำคัญของการเลือกและจัดสรรเวลาในการใช้สื่อต่างๆ

  • ระดับที่ 2 ผู้รับสื่อสามารถเรียนรู้ทักษะการรับสื่อแบบวิพากษ์ สามารถวิเคราะห์และตั้งคำถามว่าสื่อถูกสร้างขึ้นได้อย่างไร และมีความน่าเชื่อถือหรือไม่

  • ระดับที่ 3 ผู้รับสื่อสามารถวิเคราะห์สื่อในเชิงสังคม การเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์ จนนำไปสู่การสร้างเวทีทางสังคม

6.3.3 ข่าวลวงและผลกระทบ

ข่าวลวง (fake news) เป็นรูปแบบหนึ่งของการก่อกวน ซึ่งข่าวลวงจะนำเสนอเรื่องราวที่เป็นเท็จมีวัตถุประสงค์แอบแฝงที่แตกต่างกัน เช่น เพื่อขายสินค้า ทำให้เกิดความเข้าใจผิด สร้างความสับสนให้แก่ผู้รับข้อมูล ข่าวลวงอาจแพร่ผ่านอีเมล หรือเครือข่ายสังคม โดยจะส่งผลให้เกิดความเสียหายทั้งส่วนบุคคล ทางด้านเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง  ฯลฯ

 

  • ลักษณะของข่าวลวง เช่น

  • สร้างเรื่องราวเพื่อให้เป็นจุดสนใจของสังคม 

  • สร้างความหวาดกลัว 

  • กระตุ้นความโลภ 

  • สร้างความเกลียดชัง

  • ส่งต่อกันมาผ่านเครือข่ายทางสังคม

  • ไม่ระบุแหล่งที่มา

  • ขยายความต่อจากอคติของคนทั่วไปที่มีอยู่ก่อนแล้ว เพื่อหวังให้ตนเองได้รับผลประโยชน์ หรือใช้เพื่อโจมตีคู่แข่ง

 

ดังนั้นผู้รับข่าวสารต้องมีวิจารณญาณเพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองและผู้อื่นตกเป็นเหยื่อของข่าวลวง เพื่อป้องกันความเสียหายต่อตนเองและสังคม

bottom of page